เอเอฟพี – สหภาพแรงงานฝรั่งเศสจัดการประท้วงใหญ่อีกครั้งในวันนี้(23) โดยหวังว่าจะมีประชามากกว่า 2 ล้านคนออกมาเดินขบวนต่อต้านแผนปรับอายุเกษียณจาก 60 ปีเป็น 62 ปีของประธานาธิบดี นิโกลา ซาโกซี
เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว มีชาวฝรั่งเศสออกมาประท้วงการแก้กฎหมายดังกล่าวประมาณ 1-3 ล้านคน และวันนี้(23)สหภาพแรงงานคาดว่าจะเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่มีผู้เข้าร่วม มากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาาม กฎหมายปรับอายุเกษียณผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรฝรั่งเศสแล้ว และจะมีการอภิปรายในวุฒิสภาวันที่ 5 ตุลาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะผ่านโดยไม่มีปัญหา
การประท้วงส่งผลกระทบรุนแรงต่อโรงเรียนและระบบขนส่ง โดยขบวนรถไฟครึ่งหนึ่งของประเทศไม่สามารถให้บริการได้ ส่วนรถไฟ “ยูโรสตาร์” สู่กรุงลอนดอน และรถไฟ “ทาลิส” สู่กรุงบรัสเซลส์ ยังคงให้บริการตามปกติ
รถไฟเริ่มหยุดให้บริการตั้งแต่เย็นวานนี้(22) และคาดว่าจะเปิดเดินรถตามปกติในวันศุกร์(24)
การบินพลเรือนฝรั่งเศส (DGAC) เผยว่า ร้อยละ 50 ของเที่ยวบินที่ใช้สนามบินออร์ลีย์ถูกสั่งระงับแล้ว ส่วนสนามบินชาร์ลส์เดอโกลก็สั่งยกเลิกเที่ยวบินร้อยละ 40 เช่นกัน ซึ่งผลกระทบในครั้งนี้นับว่ารุนแรงกว่าเมื่อวันที่ 7 กันยายน ซึ่งมีเที่ยวบินถูกสั่งระงับเพียงร้อยละ 25 เท่านั้น
ด้านสนามบินอื่นๆก็จะยกเลิกร้อยละ 40 ของเที่ยวบินทั้งหมด
ปัจจุบันชาวฝรั่งเศสทั้งชายและหญิงจะเข้าสู่วัยเกษียณเมื่ออายุ 60 ปี แต่จะได้รับบำนาญเต็มจำนวนก็ต่อเมื่อจ่ายประกันสังคมครบตามระยะเวลาที่กำหนด เท่านั้น ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ที่ 40.5 ปี
ภายใต้กฎหมายใหม่ ประชาชนจะต้องจ่ายประกันสังคมถึง 41.5 ปีเพื่อให้ได้รับเงินบำนาญเต็มจำนวน และอายุเกษียณจะถูกปรับเพิ่มเป็น 62 ปี
ผู้สูงอายุที่ไม่ได้จ่ายประกันสังคมครบตามเวลาที่กำหนด จะสามารถรับเงินบำนาญเต็มจำนวนได้เมื่ออายุ 65 ปี แต่กฎหมายใหม่จะค่อยๆปรับอายุเพิ่มจนกลายเป็น 67 ปี ภายในปี 2018
สหภาพแรงงานและนักการเมืองฝ่ายค้านระบุว่า นโยบายดังกล่าวเป็นการเพิ่มภาระแก่คนทำงาน โดยเฉพาะผู้หญิง คนทำงานนอกเวลา และคนที่เคยตกงานมาก่อน ซึ่งจะต้องพยายามทำให้อายุงานครบ 41.5 ปีตามที่กฎหมายกำหนด
สหภาพฯเรียกร้องให้รัฐบาลเก็บภาษีจากเงินโบนัสและผู้ที่มีรายได้สูงที่สุด เพื่อใช้เป็นทุนให้กับระบบบำเหน็จบำนาญ
รัฐบาลแถลงว่า ฝรั่งเศสประสบปัญหาหนี้สาธารณะสูงถึงร้อยละ 8 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ขณะที่ประเทศแถบยุโรปตั้งเป้าไว้ไม่เกินร้อยละ 3 การแก้กฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลประหยัดงบประมาณได้ถึง 7 หมื่นล้านยูโรภายในปี 2030
ภาพเหตุการณ์การชุมนุม